วันก่อนรีวิวเจ้า Nanlite Forza60 ไป เห็นไฟอีกดวงที่ใช้คู่กัน Aputure 120dii ถึงแม้ไม่ใช่รุ่นใกล้กัน แต่พอจะเทียบกันได้เพราะการทำงานแตกต่างกัน เลยเอามาเทียบกันให้ดู เผื่อใครต้องการจะซื้อจะได้มีไอเดียว่าชอบตัวไหน ในบทความนี้มีคำตอบ
แต่ทำความเข้าใจกันก่อนว่าสองรุ่นนี้ Aputure 120dii เป็นรุ่นสูงกว่า Nanlite Forza60 ส่วน Forza60 เป็นรุ่นเริ่มต้น จริง ๆ แล้ว Aputure มีรุ่น Amarun ที่ราคาใกล้เคียงกับ Forza60 แต่พี่ตี๋ยังไม่เคยลองไว้จะนำมาลองให้ดูกันในโอกาสหน้า หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลาย ๆ คน ได้ไอเดียในการเลือก ไฟสตูที่ถูกใจที่สำคัญ ซื้อไปแล้วไม่ผิดหวัง ตรงความต้องการของตัวเอง ซึ่งทั้งสองตัวเป็นรุ่นที่มีเอกลักษณ์ต่างกันพอสมควร
ทั้งสองรุ่น ใครสนใจตัวไหน สามารถซื้อได้ที่ CameraMaker ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยขอบคุณสำหรับ Nanlite Forza60 ที่ส่งมาให้ลองครับ
ก่อนอื่นสิ่งที่ต่างกันแล้วไม่ควรนำมาเทียบกันมีสองอย่าง คือ กำลังไฟ Forza60 มีกำลังไฟ 60W น้อยกว่า Aputure 120dii ที่มีกำลังไฟ 120W และด้วยกำลังไฟที่ต่างกัน รวมถึงชื่อเสียงของแบรนด์ ราคาก็จะต่างกันไป โดยทาง Nanlite เน้นผลิตสินค้าที่ราคาถูกเพื่อเปิดตลาดในฐานะเจ้าใหม่ในตลาด ส่วน ทาง Aputure อยู่ในตลาดนี้มานานมีชื่อเสียง และคุณภาพเป็นที่ได้รับการยอมรับมากกว่าลำดับแรกเราไปดูว่าทั้งสองรุ่นหากใครสนใจสามารถหาซื้อได้ที่ราคาเท่าไหร่กันก่อน
Nanlite Forza60 (60Watt)
ราคา 7900 บาท ราคาถูกกว่า แต่ถ้าอยากได้ รีโมท ราคา 690 บาท
Softbox 60cm ซื้อแยกใน ราคา 3100 บาท
Softbox 90cm ซื้อแยกใน ราคา 4850 บาท
มีชุดไฟ มาพร้อม ขาตั้ง softbox 60cm 13100 บาท
Aputure 120dii (120Watt)
ราคา 26100 บาท ไฟแรงกว่า มีตัวควบคุมแยกออกจากตัวหัวไฟ และในกล่องมีรีโมทมาให้เลย
Light Dome II (Softbox 85cm) ซื้อแยกใน ราคา 7700 บาท
ด้านสเปคของคุณภาพ และสีของแสงไฟ
แน่นอนว่าไฟสตูดิโอ สิ่งแรกที่สำคัญมาก คือ แสงไฟที่ออกมานั้นเอง Nanlite Forza60 ตามสเปคมีตัวเลขอยู่ที่ Cri 98. Tlci 95. ที่ อุณหภูมิสี 5600k เทียบกันทาง Aputure มี cri 96 tlci 97. ที่อุณหภูมิสี 5500k
K ออกเสียงว่า เควิน มันคืออุณหภูมิสีของแสงที่ออกมา ปกติแล้วไฟถ่ายภาพทั้งหลาย ผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบพระอาทิตย์ แสงที่ใกล้เคียงกับพระอาทิตย์ก็คือ. 5500k-5600k ราว ๆ นี้
รวมถึง CRI เป็นค่าสีที่อยู่ในแสง ก็พยายามให้ใกล้เคียงกับพระอาทิตย์ที่สุดเช่นกัน ยิ่งตัวเลขเยอะยิ่งดี(เต็ม 100)
ความต่างของสี
คือ K ของทั้งสองรุ่นนี้มีความต่างกัน 100K เป็นคาแรกเตอร์ของแต่ละแบรนด์ถามว่า ต่างกันเยอะไหม เอาจริงแล้วจากที่ใช่ร่วมกันมาสามารถใช้ร่วมกันได้ สังเกตุความต่างได้ยาก
ความต่างของคุณภาพ
คือ CRI มันคือค่าของ แต่ละสีในแสง หรือเรียกว่าความสมจริงของสีที่เลียนแบบพระอาทิตย์ ก็ได้ ไฟที่มีคุณภาพปัจจุบันวัดกันที่ CRI มากกว่า 95 ซึ่งถือว่ามาก ไฟ LED ทั่วไปมี CRI ไม่ถึง 95 ที่ถึงก็มีราคาแพง
เพราะฉะนั้น ไฟที่ CRI มากกว่า 95 ถือว่ามีคุณภาพดี ยิ่งมากกว่า 95 ยิ่งแพง ไม่ต้องพูดถึง CRI 96 ,98. เพราะนอกจากต้นทุนสูงขึ้นมาก แล้วยังหาซื้อยากมากขึ้นไปอีก(ลองหาจาก Google ดู)
ส่วน TLCi เป็น คุณภาพของแสงที่วัดจากที่กล้องมองเห็น เพื่อจะเป็นการระบุว่า มีความเที่ยงตรงแค่ไหนเมื่อมองผ่านกล้อง ยิ่งสูงยิ่งดี จะมีการแบ่งลำดับ ๆ สำหรับการนำไปใช้ถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ ควรจะคำนึงถึงตรงนี้เป็นหลัก
ความสว่าง
ตั้งแต่โบราณเราใช้วิธีวัดค่าความสว่างที่กำลัง Watt ที่กินไฟมาถึงยุค LED ก็ยังใช้ Watt ในการระบุความสว่างอยู่แต่ Watt ในยุค LED 60W-120W ก็อาจจะมีความสว่างเท่า ๆ หลอดไส้ 500W – 1000W ได้ แสดงว่ากำลัง Watt ไม่ได้บ่งบอกถึงความสว่างเสมอไป ขึ้นอยู่ที่ว่าไฟตัวไหนจะแปลงพลังไฟฟ้าเป็นแสงสว่างได้คุ้มค่าที่สุด จริง ๆ แล้วในวงการไฟฟ้า(ไม่ได้หมายถึงไฟสตูดิโออย่างเดียว) จะใช้ค่าความสว่าง Lux ในการวัดความสว่าง ค่า Lux นั้นคือ ความเข้มของแสง ณ จุดที่วัด ซึ่งแปรผันไปตามพื้นที่ และการออกแบบขอโคมไฟ เราจะวัดได้ทั้งแสงที่ออกมาจาก LED และโคมไฟว่าสะท้อนแสงได้ดีแค่ไหน ดังนั้นเราจะใช้ค่า Lux นี้เป็นตัวอ้างอิง
กำลังไฟ ก็ตามตัวเลขเลย 60W 120W เนื่องจากการวัดกำลังไฟจากผุ้ผลิตของสองยี่ห้อนี้ต่างกัน ตัวนึงวัดที่ 1เมตร อีกตัว 0.5 เมตร และ Forza60 มีสองโหมดคือ เมื่อปิดพัดลม และเมื่อเปิดพัดลม กำลังไฟจะไม่เท่ากัน โดยเมื่อเปิดพัดลมจะทำให้สามารถเปิดไฟได้แรงมากขึ้น พี่ตี๋เลยวัดกำลังไฟทั้งสองแบบ
ได้ผลดังนี้ เมื่อไม่ใส่ Reflecter
Aputure 120dii วัดความเข้มของไฟได้ 6250 Lux
Forza60 ปิดพัดลม วัดความเข้มของไฟได้ 1263 Lux
Forza60 เปิดพัดลม วัดความเข้มของไฟได้ 3020 Lux
เมื่อใส่ Reflecter
Aputure 120dii วัดความเข้มของไฟได้ 25400 Lux
Forza60 ปิดพัดลม วัดความเข้มของไฟได้ 7460 Lux
Forza60 เปิดพัดลม วัดความเข้มของไฟได้.15950 Lux
สรุปความแรงของไฟก็ใกล้เคียงกับกำลัง Watt ตามสเปค แต่เหมือนวิธีการวัดไฟของพี่ตี๋จะได้แตกต่างจากบริษัทแม่พอสมควร เอาเป็นว่าให้ดูเทียบกัน อาจจะคลาดเลื่อนกันบ้างตามแต่ละสถานที่ ที่น่าสังเกตุ ก็คือ เมื่อ Forza60 ใส่ Reflector จะให้กำลังไฟที่มากกว่า เพราะ Reflecter ให้การสะท้อนแสงในองศาที่ซูมกว่านั้นเอง โดย Nanlite Forza60 เมื่อใส่ Reflector เฉพาะจุดกว่า ทำให้ขอบเฟรมจะดูเป็นขอบดำ ๆ Aputure 120dii เน้นกว้าง ๆ ให้แสงที่สว่างทั่วถึง
ส่วนคุณภาพ ตัว Reflecter ของทั้งสองยี่ห้อ ดูเนื้องานค่อนข้างดี สังเกตุว่าของ Aputure เป็นเนื้อละเอียดเม็ดทรายแสงที่ได้เลยกระจายแสงได้ดี คาแรกเตอร์จะนุ่ม ๆ กว่า เนื้อโคม Forza60 ที่เป็นเม็ดสี่เหลี่ยม
มีประเป๋ามาให้ทั้งคู่ ขนาดค่อนข้างแตกต่างกัน Nanlite Forza60 เล็กพกง่าย. Aputure 120dii ใหญ่ตามขนาดของไฟไม่เหมาะกับการพกพา พื้นผิวของกระเป๋าเหมือนกระเป๋ากล้องเป็นลายถักได้งานได้ดี ทั้งสองใบคุณภาพโอเคเลยใช้งานได้จริงมีการบุกันกระแทกด้านในแบบหนามาก ๆ งานทั้งหมดดีทั้งสองยี่ห้อแล้วแต่ว่าชอบการออกแบบของตัวไหน
Aputure ทำจากโลหะอลูมิเนียมลาย จนถึงส่วนหน้า ที่รับน้ำหนัก Softbox ออกแบบมาค่อนข้างแข็งแรงบึกบึน
ตัวบอดี้
Forza60 เป็นโลหะอลูมิเนียม ผสมพลาสติกในส่วนหน้าของไฟ ที่รับน้ำหนัก Softbox ต้องลองใช้งานยาว ๆ ดูว่าจะเป็นอย่างไร จากการใช้งานตัวชิ้นงานคุณภาพดี แข็งแรงพอประมาณ ดีไซน์ต่างกันเล็กน้อย เรื่องความสวยคงแล้วแต่คน
การจับถือ
Nanlite Forza60 เน้นเล็กเบาสบายใช้ก้านจับอันเดียวกับ ที่ตั้งขามี Holder สำหรับจับ และใส่แบตเสริมสำหรับพกพา Aputure 120dii มีขนาดใหญ่ มีที่จับอยู่ด้านท้ายมีขนาดใหญ่มาก ทำให้ปรับองศาได้ง่าย
ระบบล็อค
Nanlite Forza60 เป็นหางปลาขนาดเล็ก ใช้งานร่วมกับ Softbox ขนาด 60 ได้ดี Aputure 120dii เป็นก้านโยก ในการใช้งานใช้งานได้สะดวกทั้งคู่ ล็อค คลายล็อคไม่เจ็บมือแต่… ในการใช้งานร่วมกับ Softbox ขนาดใหญ่ 90cm , 120cm Nanlite ต้องใส่ Adapter และมีปัญหาล็อคไม่ได้ใน Softbox 120cm รวมถึงก้านล็อคเล็กไปทำให้เจ็บมือ ซึ่ง Aputure 120dii จะปรับได้ง่ายกว่าและ นิ่งกว่าไม่ไหลตามน้ำหนัก Softbox 90cm , 120cm
ขนาดของตัวบอดี้
Nanlite Forza60 ขนาดนั้นมองจากด้านข้าง สูสีกับ iPhone ซึ่งเล็กมาก ทำให้พกพาง่าย ถือถ่ายได้ง่าย Aputure 120dii ใหญ่ แน่นอนพกพายากกว่า (แต่ต้องอย่าลืมว่า Aputure กำลังไฟมากกว่าเท่าตัว)
สรุป ทั้งสองตัวนี้หากใครต้องการพกพาไปนอนสถานที่ Forza60 จะสะดวกกว่าเพราะด้วยขนาดที่เล็กคล้ายเลนส์ สามารถใส่กระเป๋ากล้องได้ ทำให้การพกพาง่ายมาก จากภาพ ตัวบอดี้มีขนาดพอ ๆ กับ Nikon 105 Macro แต่ถ้าต้องการคุณภาพต้องใส่ Softbox ขนาดใหญ่ซึ่ง Aputure ใช้งานได้สะดวกกว่า
ทั้งสองยี่ห้อใช้เมาส์ bowen ยอดนิยม แต่ Forza60 ที่เป็นรุ่นเล็กของ Nanlite มีขนาดเล็กมากเล็กกว่า bowen mount จึงขอเรียกว่า Mini Bowen แล้วกัน ทาง Nanlite จึงออก Softbox ขนาดเล็กพิเศษ 60cm ทำให้พกพาง่าย สะดวก เหมาะกับขนาดตัวที่กระทัดรัด แต่ปกติแล้ว nanlite จะใช้ bowen เม้าส์ ในรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ สำหรับ Forza60 จึงต้องซื้อ adapter แปลงจาก mini bowen ไป bowen เม้าส์อีกตัวนึง
ซึ่ง Adapter มีก้านล็อค และมีจุดรับ น้ำหนักเป็นของตัวเอง ก้านล็อคของ Adapter จะไม่เหมือนตัว Forza60 ก้านโยกล็อคได้ดีกว่าหางปลาแต่ก็ยังไม่ใหญ่พอที่จะรับ Softbox ขนาด 120cm และเล็กกว่า Aputure 120dii
แถมมาให้สำหรับคนที่อยากรู้ว่า Softbox เล็กใหญ่ต่างกันอย่างไร ความนุ่มของ Softbox 60 cm เทียบกับ Softbox 90 cm
ตัว Adapter เทียบกับระหว่าง สองรุ่น
ของ Aputure ใหญ่พกพาไม่สะดวก. แต่ Power Adapter ทำหน้าที่เป็นรีโมทควบคุมตัวไฟได้สะดวก ปุ่มให้ความรุ้สึกในการกดที่ดีมาก. และปุ่มปรับระดับไฟละเอียด ควบคุมได้แม่นยำ วัสดุของ Aputure ดีมากดูพรีเมี่ยม
เหมือนของ Nanlite ที่เล็กกว่า (อาจจจะเป็นเพราะกินไฟไม่เท่ากัน 120W และ 60W ) และไม่มีปุ่มควบคุมใด ๆ ต้องเดินย้อนไปด้านหลังของไฟเพื่อปรับกำลังไฟ ปัญหาก็คือ จะมองไม่เห็นตัวเอง ว่าสว่างแค่ไหนแล้ว แนะนำให้ซื้อรีโมทเพิ่มเติม วัสดุของ Nanlite เป็น Adapter พลาสติกธรรมดาทั่วไป
ทั้งคู่สามารถต่อ Battery ภายนอก แทนการใช้ไฟบ้านได้ เป็นแบบ V mount แต่ด้านการพกพานั้น Aputure ไม่สะดวกในการถือเดินเพราะตัวแปลงไฟที่ตัวใหญ่มาก ทั้งยังต้องใส่ Battery V Mount เข้าไปอีก
Forza60 มีแบตเตอรี่กริป เป็นอุปกรณ์เสริม สิ่งที่ดีมาก ๆ คือ มีทางเลือกให้สามารถใส่ Battery NP-F970 ได้ ข้อดีคือแพร่หลายกว่า Battery V Mount หลายคนมีอยู่แล้วเพราะเป็นแบตเตอรี่ มาตรฐานของงาน วีดีโอ หรือต่อให้ไม่มี NP-F970 ก็มีราคาถูกกว่า V Mount มากก
รวมถึงออกแบบให้มีที่จับพกพา ทำให้ใช้งานง่าย เมื่อใช้ร่วมกับ Softbox 60cm แล้ว (เข้าใจว่า Aputure ไม่มี softbox ขนาดนี้ และใส่ของ Nanlite Forza60 ไม่ได้นะเพราะเล็กไป) สามารถถือถ่าย สะดวกทั้งในสตูดิโอไม่ว่าจะแขวนไว้บนขาตั้งสูง ๆ ก็ทำได้สะดวก หรือจะ ใช้นอกสตูดิโอ ก็ถือเป็นทางเลือกให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น แต่ข้อสังเกตุคือ กำลังไฟ 60W กับการพกพาไปใช้กลางแจ้งดูจะย้อนแย้งสักหน่อยว่าเพียงพอทุกสถานกาณ์หรือเปล่า คากว่าน่าจะเหมาะกับ Indoor เท่านั้น และตัว Adapter เมื่อมีการขยับทำให้ Battery NP-F970 สามารถหลุดออกจาก Holder ได้ง่ายมาก เพราะไม่มีตัวล็อค ทำให้ไฟกระพริบปิดเปิดตลอดเวลา แต่ก็แก้ปัญหาได้โดยเอากระดาษพับไปเสียบไว้
Function การทำงาน หรือลูกเล่นการปล่อยไฟ
การซื้อไฟนิ่งปัจจุบัน ตัวไฟมีลูกเล่นมากมาย แค่ส่องสว่าง มีคุณภาพอย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว ไฟทั้งสองรุ่นมีลูกเล่นการปล่อยไฟหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น เลียบแบบ ฟ้าผ่า ,พลุ , หลอดไฟเสีย หรือ ทีวี ความต่างคือของ Nanlite Forza60 จะเป็น พรีเซตมาให้ใช้ไม่ต้องเซตค่าใด ๆ. เช่นฟ้าผ่า มี แยกย่อย 3 แบบ ให้เลือก แต่ของทาง Aputure 120dii ไม่มีพรีเซต. จะเป็นความถี่ให้เลือกการใช้งานต้องอาศัยความเข้าใจอยู่บ้างแต่ก็ทำได้ตามใจมากกว่า
เมื่อใช้งานมาได้สักพักส่วนตัวรู้สึกว่า Nanlite preset ที่ให้มาไม่ค่อยสมจริงสักเท่าไหร่ และไม่ได้ตามใจต้องการปรับเปลี่ยนจังหวะการกระพริบไม่ได้ ถึงแม้ว่า Aputure 120dii จะต้องทำความเข้าใจสักพักแต่ก็ไม่ยาก และยืดหยุ่นกว่า
เสียงพัดลม อ้างอิงจาก นาทีที่ 8:16 ตามลิ้งค์
พัดลมทั้งสองยี่ห้อ มีขนาดไม่เท่ากัน ตัว Aputure ใหญ่กว่าตักลมได้เยอะกว่า แต่มีความเงียบกว่าเมื่อเปิดพัดลมทำให้ประหลาดใจพอสมควร ถึงแม้พัดลมทำงาน ที่กำลังไฟ 100% นำเข้ามาใกล้ ๆ ก็ไม่รบกวนใด ๆ Nanlite ตัวเล็กกว่าตามขนาดบอดี้ สามารถสั่งเปิด หรือปิดพัดลมได้
จากการทดสอบ
ห้องสตูดิโอที่ใช้อยู่ประจำ เสียงแอร์ที่ห่างไป 1.5 เมตร มีความดังกว่า พัดลมของ Forza60
ถึงแม้จะเอา Forza60 มาจ่อตัววัดเสียงห่างเพียง 1 คืบ แต่ข้อสังเกตุคือแอร์ที่ทดสอบอาจจะเก่า เสียงดังตามอายุ เลยทดสอบ Forza60 ให้ห่างไปในระยะใช้จริง ประมาณ 1 เมตร แล้ววัดเสียง เทียบกับห้องที่ปิดแอร์ ก็ยังได้เสียงต่างกันน้อยมากประมาณ 4 เดซิเบล (เป็นห้องทั่วไปไม่ใช่ห้องสตูดิโอเก็บเสียง)
แต่สำหรับห้องเก็บเสียงจะมีเสียงรบกวนให้สังเกตุได้พอสมควร แนะนำให้ปิดการทำงานของพัดลม แต่จะทำให้ไฟเบาลง 50% (ไฟสว่างขณะใส่โคม. 7460 Lux ถ้าใส่ Softbox จะเบากว่านี้) ส่วนตัวแล้วใช้ความแรงของไฟไม่เกิน 25% อยู่แล้วจึงเพียงพอสำหรับการใช้งานส่วนตัว (ใช้งานที่ f1.4-2.8 ISO 500 Shutter 80-120 ) แต่หากใครใช้งานที่ f กล้องมากกว่านี้จะต้องพิจารณาเรื่องเสียงพัดลมพอสมควร ไว้ย้ายสตูดิโอทำห้องที่เก็บเสียงกว่านี้จะลองให้ดูอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวแล้วไม่มีปัญหากับเสียงระดับนี้ เสียงแอร์ในห้อง รวมถึง หมาเห่าหน้าบ้านดังกว่านี้เยอะ T T
ความเห็นล่าสุด